จำนวนเต็มแบ่งออกเป็น 3 ชนิด
จำนวนเต็มลบ คือ จำนวนที่มีค่าน้อยกว่า ศูนย์ มีตำแหน่งอยู่ทางด้านซ้ายมือของศูนย์เมื่ออยู่บนเส้นจำนวน และ จะมีค่าลดลงเรื่อย ๆ โดยไม่สามารถจะบอกได้ว่าจำนวนใดจะมีค่าน้อยที่สุด แต่เราสามารถรู้ได้ว่าจำนวนเต็มลบที่มีค่ามากที่สุด คือ -1 เราพอจะสรุปลักษณะที่สำคัญของจำนวนเต็มลบได้ดังนี้
1. จำนวนเต็มลบเป็นจำนวนที่มีค่าน้อยกว่าศูนย์ หรือถ้ามองบนเส้นจำนวน ก็คือ เป็นจำนวนที่อยู่ทางซ้ายมือของศูนย์
2. จำนวนเต็มลบที่มีน้อยที่สุดไม่สามารถหาได้ แต่ จำนวนเต็มลบที่มีค่ามากที่สุด คือ-1
3. ตัวเลขที่ตามหลังเครื่องหมายลบ ถ้ายิ่งมีค่ามากขึ้นจำนวนเต็มลบนั้นจะมีค่าน้อยลง
กล่าวคือ...-5 < -4 < -3 < -2 < -1
ศูนย์ ( ใช้สัญลักษณ์ "0" )
เป็นจำนวนเต็มอีกชนิดหนึ่ง ที่เราไม่ถือว่าเป็นจำนวนนับ จากหลักฐานที่ค้นพบทำให้เราทราบว่ามนุษย์รู้จักใช้สัญลักษณ ์ "0" ในราวปี ค.ศ. 800 โดยที่ "0" แทนปริมาณของการไม่มีของหรือของที่ต้องการกล่าวถึง แต่ก็ไม่ใช่ว่า 0 จะไม่มีความหมายถึงการไม่มีเสมอไป ตัวอย่างเช่น ระดับผลการเรียนทางด้านความรู้ โดยนักเรียนที่มีระดับผลการเรียนเป็น 0 ไม่ได้หมายความว่านักเรียนคนนั้นไม่มีความรู้ เพียงแต่ ว่ามีความรู้ในระดับหนึ่งเท่านั้น
จำนวนเต็มบวก หรือ จำนวนนับ คือ จำนวนเต็มที่มีค่ามากกว่า 0 ไปเรื่อย ๆ โดยที่ไม่สามารถระบุได้ว่าจำนวนนับตัวสุดท้ายเป็นอะไร จำนวนนับเริ่มต้นที่ 1 , 2 , 3, ... ซึ่งเราทราบแล้วว่า จำนวนนับที่น้อยที่สุด คือ 1 จำนวนนับที่มากที่สุดหาไม่ได้
คุณสมบัติของศูนย์และหนึ่ง
จำนวนเต็มลบ คือ จำนวนที่มีค่าน้อยกว่า ศูนย์ มีตำแหน่งอยู่ทางด้านซ้ายมือของศูนย์เมื่ออยู่บนเส้นจำนวน และ จะมีค่าลดลงเรื่อย ๆ โดยไม่สามารถจะบอกได้ว่าจำนวนใดจะมีค่าน้อยที่สุด แต่เราสามารถรู้ได้ว่าจำนวนเต็มลบที่มีค่ามากที่สุด คือ -1 เราพอจะสรุปลักษณะที่สำคัญของจำนวนเต็มลบได้ดังนี้
1. จำนวนเต็มลบเป็นจำนวนที่มีค่าน้อยกว่าศูนย์ หรือถ้ามองบนเส้นจำนวน ก็คือ เป็นจำนวนที่อยู่ทางซ้ายมือของศูนย์
2. จำนวนเต็มลบที่มีน้อยที่สุดไม่สามารถหาได้ แต่ จำนวนเต็มลบที่มีค่ามากที่สุด คือ-1
3. ตัวเลขที่ตามหลังเครื่องหมายลบ ถ้ายิ่งมีค่ามากขึ้นจำนวนเต็มลบนั้นจะมีค่าน้อยลง
กล่าวคือ...-5 < -4 < -3 < -2 < -1
ศูนย์ ( ใช้สัญลักษณ์ "0" )
เป็นจำนวนเต็มอีกชนิดหนึ่ง ที่เราไม่ถือว่าเป็นจำนวนนับ จากหลักฐานที่ค้นพบทำให้เราทราบว่ามนุษย์รู้จักใช้สัญลักษณ ์ "0" ในราวปี ค.ศ. 800 โดยที่ "0" แทนปริมาณของการไม่มีของหรือของที่ต้องการกล่าวถึง แต่ก็ไม่ใช่ว่า 0 จะไม่มีความหมายถึงการไม่มีเสมอไป ตัวอย่างเช่น ระดับผลการเรียนทางด้านความรู้ โดยนักเรียนที่มีระดับผลการเรียนเป็น 0 ไม่ได้หมายความว่านักเรียนคนนั้นไม่มีความรู้ เพียงแต่ ว่ามีความรู้ในระดับหนึ่งเท่านั้น
จำนวนเต็มบวก หรือ จำนวนนับ คือ จำนวนเต็มที่มีค่ามากกว่า 0 ไปเรื่อย ๆ โดยที่ไม่สามารถระบุได้ว่าจำนวนนับตัวสุดท้ายเป็นอะไร จำนวนนับเริ่มต้นที่ 1 , 2 , 3, ... ซึ่งเราทราบแล้วว่า จำนวนนับที่น้อยที่สุด คือ 1 จำนวนนับที่มากที่สุดหาไม่ได้
คุณสมบัติของศูนย์และหนึ่ง
จำนวนเต็มลบ คือ จำนวนที่มีค่าน้อยกว่า ศูนย์ มีตำแหน่งอยู่ทางด้านซ้ายมือของศูนย์เมื่ออยู่บนเส้นจำนวน
และ จะมีค่าลดลงเรื่อย ๆ โดยไม่สามารถจะบอกได้ว่าจำนวนใดจะมีค่าน้อยที่สุด แต่เราสามารถรู้ได้ว่าจำนวนเต็มลบที่มีค่ามากที่สุด
คือ -1 เราพอจะสรุปลักษณะที่สำคัญของจำนวนเต็มลบได้ดังนี้
1. จำนวนเต็มลบเป็นจำนวนที่มีค่าน้อยกว่าศูนย์ หรือถ้ามองบนเส้นจำนวน ก็คือ เป็นจำนวนที่อยู่ทางซ้ายมือของศูนย์
2. จำนวนเต็มลบที่มีน้อยที่สุดไม่สามารถหาได้ แต่ จำนวนเต็มลบที่มีค่ามากที่สุด คือ-1
3. ตัวเลขที่ตามหลังเครื่องหมายลบ ถ้ายิ่งมีค่ามากขึ้นจำนวนเต็มลบนั้นจะมีค่าน้อยลง
กล่าวคือ...-5 < -4 < -3 < -2 < -1
เราจะเห็นว่า ...-4 < -3 < -2< -1 < 0 < 1< 2 < 3 < 4... นั้นคือ จำนวนที่อยู่ทางซ้ายมือจะมีค่าน้อยกว่าจำนวนที่อยู่ทางขวามือเสมอ
ตัวอย่าง จงเขียนจำนวนเต็มต่อไปนี้ จากน้อยไปมาก
-8 , -2 , 0 , 2 , 5 , -10
เรียงจากน้อยไปมาก จะได้ -10 , -8 , -2 , 0 , 2 , 5
ตัวอย่าง จงเขียนจำนวนต่อไปนี้ จากมากไปน้อย 7 , 8 , 6 , -8 , -7 , -6
เรียงจากมากไปน้อย จะได้ 8 , 7 , 6 , -8 , -7 , -6
ข้อสังเกตุ ในการเรียงลำดับจำนวนเต็มให้เรามองแยกจำนวนออกเป็นกลุ่ม ๆ ก่อน แล้วดูตำแหน่งจำนวนในแต่ละกลุ่มเทียบกันบนเส้นจำนวน โดยที่จำนวนที่อยู่ทางซ้ายมือจะมีค่าน้อยกว่าจำนวนที่อยู่ทางขวามือเสมอ หรือ จำนวนที่อยู่ทางขวามือจะมีค่ามากกว่าจำนวนที่อยู่ทางซ้ายมือเสมอ
1. จำนวนเต็มลบเป็นจำนวนที่มีค่าน้อยกว่าศูนย์ หรือถ้ามองบนเส้นจำนวน ก็คือ เป็นจำนวนที่อยู่ทางซ้ายมือของศูนย์
2. จำนวนเต็มลบที่มีน้อยที่สุดไม่สามารถหาได้ แต่ จำนวนเต็มลบที่มีค่ามากที่สุด คือ-1
3. ตัวเลขที่ตามหลังเครื่องหมายลบ ถ้ายิ่งมีค่ามากขึ้นจำนวนเต็มลบนั้นจะมีค่าน้อยลง
กล่าวคือ...-5 < -4 < -3 < -2 < -1
เราจะเห็นว่า ...-4 < -3 < -2< -1 < 0 < 1< 2 < 3 < 4... นั้นคือ จำนวนที่อยู่ทางซ้ายมือจะมีค่าน้อยกว่าจำนวนที่อยู่ทางขวามือเสมอ
ตัวอย่าง จงเขียนจำนวนเต็มต่อไปนี้ จากน้อยไปมาก
-8 , -2 , 0 , 2 , 5 , -10
เรียงจากน้อยไปมาก จะได้ -10 , -8 , -2 , 0 , 2 , 5
ตัวอย่าง จงเขียนจำนวนต่อไปนี้ จากมากไปน้อย 7 , 8 , 6 , -8 , -7 , -6
เรียงจากมากไปน้อย จะได้ 8 , 7 , 6 , -8 , -7 , -6
ข้อสังเกตุ ในการเรียงลำดับจำนวนเต็มให้เรามองแยกจำนวนออกเป็นกลุ่ม ๆ ก่อน แล้วดูตำแหน่งจำนวนในแต่ละกลุ่มเทียบกันบนเส้นจำนวน โดยที่จำนวนที่อยู่ทางซ้ายมือจะมีค่าน้อยกว่าจำนวนที่อยู่ทางขวามือเสมอ หรือ จำนวนที่อยู่ทางขวามือจะมีค่ามากกว่าจำนวนที่อยู่ทางซ้ายมือเสมอ
ค่าสัมบูรณ์
ค่าสัมบูรณ์ของจำนวนใด ๆ
คือ ระยะทางที่จำนวนนั้น ๆ อยู่ห่างจากศูนย์ (0) บนเส้นจำนวนไม่ว่าจะอยู่ทางซ้าย หรือทางขวาของศูนย์
ซึ่งค่าสัมบูรณ์ของจำนวนใด ๆ จะมีค่าเป็นบวกเสมอ กล่าวคือ
1 มีระยะห่างจาก
0 เท่ากับ 1 หน่วย นั้นคือ
ค่าสัมบูรณ์ของ 1 เท่ากับ 1
-1 มีระยะห่างจาก
0 เท่ากับ 1 หน่วย นั้นคือ
ค่าสัมบูรณ์ของ -1 เท่ากับ 1
เราจะใช้สัญลักษณ์ที่ใช้แทนค่าสัมบูรณ์
คือ | | เช่น
| -4 | คือ ค่าสัมบูรณ์ของ -4 คือ 4
| 6 | คือ ค่าสัมบูรณ์ของ 6 คือ 6
ข้อสังเกต
1. จำนวนเต็มลบซึ่งมีค่าน้อยกว่า เมื่อเปลี่ยนเป็นค่าสัมบูรณ์แล้วจะมีค่ามากกว่า เช่น-25 < -18 แต่ | -25 | > | -18 |
2. ค่สัมบูรณ์ของจำนวนเต็มลบอาจมากกว่าหรือน้อยกว่าค่าสัมบูรณ์ของจำนวนเต็มบวกก็ได้ ขึ้นอยู่กับตัวเลข เช่น | -4 | > | 2 | แต่ -4 < 2
จะพบว่า จำนวนเต็มลบและจำนวนเต็มบวกที่มีค่าสัมบูรณ์เท่ากัน จะอยู่คนละข้างและห่างจาก 0 เท่ากัน อย่างเช่น
| -5 | = 5 และ | 5 | = 5 เราอาจจะกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า
-5 เป็นจำนวนตรงข้ามของ 5 และ
5 เป็นจำนวนตรงข้ามของ -5
| -4 | คือ ค่าสัมบูรณ์ของ -4 คือ 4
| 6 | คือ ค่าสัมบูรณ์ของ 6 คือ 6
ข้อสังเกต
1. จำนวนเต็มลบซึ่งมีค่าน้อยกว่า เมื่อเปลี่ยนเป็นค่าสัมบูรณ์แล้วจะมีค่ามากกว่า เช่น-25 < -18 แต่ | -25 | > | -18 |
2. ค่สัมบูรณ์ของจำนวนเต็มลบอาจมากกว่าหรือน้อยกว่าค่าสัมบูรณ์ของจำนวนเต็มบวกก็ได้ ขึ้นอยู่กับตัวเลข เช่น | -4 | > | 2 | แต่ -4 < 2
จะพบว่า จำนวนเต็มลบและจำนวนเต็มบวกที่มีค่าสัมบูรณ์เท่ากัน จะอยู่คนละข้างและห่างจาก 0 เท่ากัน อย่างเช่น
| -5 | = 5 และ | 5 | = 5 เราอาจจะกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า
-5 เป็นจำนวนตรงข้ามของ 5 และ
5 เป็นจำนวนตรงข้ามของ -5
ข้อควรทราบ
เป็นจำนวนตรงข้ามของตัวมันเอง
เป็นจำนวนตรงข้ามของตัวมันเอง
ในการเขียนจำนวนตรงข้าม เราสามารถกระทำได้
กล่าวคือ
จำนวนตรงข้ามของ 10 เขียนแทนด้วย -10
จำนวนตรงข้ามของ -3 เขียนแทนด้วย -(-3) แต่จำนวนตรงข้ามของ -3 คือ 3 ดังนั้น
-(-3) = 3
ถ้าเราพิจารณาผลลัพธ์ของ 5 - 3 และ 5
+ ( -3 ) เราจะพบว่า 5 - 3 = 2 และ5 +
( -3 ) = 2 นั้นคือ
5 - 3 = 5 + (-3)
แสดงว่า การลบจำนวนเต็มเราสามารถหาได้ในรูปของการบวก ถ้าเราสังเกต 3 และ -3 เราจะเห็นว่า จำนวนดังกล่าวเป็นจำนวนตรงข้ามซึ่งกันและกัน จึงสรุปได้ว่า
ตัวตั้ง- ตัวลบ = ตัวตั้ง+ จำนวนตรงข้ามของตัวลบ
หมายเหตุุ การเปลี่ยนรูปแบบในการลบจำนวนเต็มในรูปของการบวก
สิ่งสำคัญ คือ เราต้องมองตัวตั้งและตัวลบให้ได้ก่อนจะทำให้ง่ายต่อการเปลี่ยนรูป
5 - 3 = 5 + (-3)
แสดงว่า การลบจำนวนเต็มเราสามารถหาได้ในรูปของการบวก ถ้าเราสังเกต 3 และ -3 เราจะเห็นว่า จำนวนดังกล่าวเป็นจำนวนตรงข้ามซึ่งกันและกัน จึงสรุปได้ว่า
ตัวตั้ง- ตัวลบ = ตัวตั้ง+ จำนวนตรงข้ามของตัวลบ
หมายเหตุุ การเปลี่ยนรูปแบบในการลบจำนวนเต็มในรูปของการบวก
สิ่งสำคัญ คือ เราต้องมองตัวตั้งและตัวลบให้ได้ก่อนจะทำให้ง่ายต่อการเปลี่ยนรูป
การบวก – ลบจำนวนเต็ม
1. ผลบวกระหว่างจำนวนเต็มบวก 2 จำนวน หรือ จำนวนเต็มลบ 2 จำนวน
จะมีค่าเท่ากับค่าบวกหรือค่าลบของผลบวกค่าสัมบูรณ์ตามลำดับ
2. ผลบวกระหว่างจำนวนเต็มบวกกับจำนวนเต็มลบ คือ
ผลต่างระหว่างค่าสัมบูรณ์ทั้งสองโดยใช้ค่าสัมบูรณ์มากกว่าเป็นตัวตั้ง
แล้วใส่เครื่องหมายตามตัวมากกว่า
ตัวอย่างเช่น 5 + 4 = 9
5 + (–4) = 1
(–5) + 4 = –1
(–5) + (–4) =
–9
5 – 4 = 5 + (–4) = 1
(–5) – 4 =
(–5) + (–4) = –9
(–5) – (–4) = (–5) + 4 = –1
การคูณจำนวนเต็ม
การคูณระหว่างจำนวนเต็มสองจำนวน
อาศัยเรื่องผลคูณของค่าสัมบูรณ์ของจำนวนทั้งสอง โดยมีเครื่องหมาย ดังนี้
(+) x (+) =
+
(+) x (–) = –
(–)
x (+) = –
(–)
x (–) = +
ตัวอย่างที่ 1
จงหาผลลัพธ์ของ
1. 4 x (–3) = …....…-12………… 6. (–5) x
(–2) =……..…10…………
2. 4 x (–7) = ………-28……… 7. (–8) x
(–1) =……...…8……….......
3. (–12) x 3 = ………-36………… 8. (–11) x (–12) =…....…132…………
4. (–8) x 4 = ………-32………… 9. (–2) x (–4) =……..…8…………
5. (–6) x (–3) = ………18………… 10. (–7) x (–6) x 2 =………84…………
การหารจำนวนเต็ม
จงหาผลหาร
1. -100 / 5 = ......-20........ 3. 8 . -8 = ......-1...... 5. 125
/ -25 = .......-5 .....
2. - 42 / -6 = .....7............ 4. 15 / 5 = ......3....
2. - 42 / -6 = .....7............ 4. 15 / 5 = ......3....
ข้อสังเกต
1. จำนวนเต็มชนิดเดียวกันหารกันได้ผลลัพธ์เป็นจำนวนเต็มบวก
2. จำนวนเต็มคนละชนิดกันหารกันได้ผลลัพธ์เป็นจำนวนเต็มลบ
1. จำนวนเต็มชนิดเดียวกันหารกันได้ผลลัพธ์เป็นจำนวนเต็มบวก
2. จำนวนเต็มคนละชนิดกันหารกันได้ผลลัพธ์เป็นจำนวนเต็มลบ
สมบัติบางประการของจำนวนเต็มบวก
1. สมบัติการสลับที่สำหรับการบวก
สำหรับจำนวนเต็มบวก a และ b ใดๆ จะได้ว่า a +
b = b + a
2. สมบัติการสลับที่สำหรับการคูณ
สำหรับจำนวนเต็มบวก a และ b ใดๆ จะได้ว่า a •
b = b • a
3. สมบัติการเปลี่ยนกลุ่มสำหรับการบวก
สำหรับจำนวนเต็มบวก a , b และ c ใดๆ จะได้ว่า (a + b) + c = a + (b + c)
4. สมบัติการเปลี่ยนกลุ่มสำหรับการคูณ
สำหรับจำนวนเต็มบวก a , b และ c ใดๆ จะได้ว่า (a • b) •
c = a• (b • c)
5. สมบัติการแจกแจง
สำหรับจำนวนเต็มบวกa , b และ cใดๆ จะได้ว่า a
• (b + c) = (a •b)
+ (a • c)
6. สมบัติของหนึ่ง
สำหรับจำนวนเต็มบวก a ใดๆ จะได้ว่า 1 ´ a = a
= a ´ 1
good!!
ตอบลบขอบคุณมากเด้อออ^0^
ตอบลบได้ความรู้มากคะ
ตอบลบ20.14.8.2
ตอบลบจำนวนเมน้อยกว่าศูนย์คื7
ตอบลบชอบมากไปค่ะ
ตอบลบมีสาระมากครับขอบคุณครับ^<^
ตอบลบ